ข่าวสารสหกรณ์
  • 28 ม.ค. 2556
 5,524

สหกรณ์หมื่นล้าน

 

                                             สหกรณ์หมื่นล้าน                  วิชิต สนธิวณิช
                                                                                                                     กรรมการทำหน้าที่ผู้จัดการ

         สรรพสิ่งเชื่อมโยง คน เทคโนโลยี ธรรมชาติ ธรรมะ ชีวิตน่าจะสมดุล... แต่การบริโภคอย่างไร้ขีดจำกัดในยุคเทคโนโลยีครองโลก เศรษฐกิจ การเมืองที่ผันแปรทุกเวลา  องค์กรการเงินที่มุ่งเน้นการออมและชีวิตที่มีเศรษฐกิจพอเพียงนำทางอย่างสหกรณ์ ต้องต่อสู้กับ กัปดักทางสังคม หลุมพรางการตลาด เข็มทิศในการดำเนินชีวิต นโยบายทางการเมือง  น้อยคนนักที่จะก้าวผ่านหลุมพรางเหล่านี้...และเพื่อนำพาสมาชิกสหกรณ์ให้รอดพ้น ต้องอาศัยกลวิธี กลยุทธ์นานา ผ่านการเชื่อมโยงจากสรรพสิ่งที่อยู่รอบตัว ผ่านกาล ผ่านเวลา ผ่านการระดมความคิด ฝ่าลมฝนพายุแห่งจิตใจสามัญของคนทำงานรุ่นแล้วรุ่นเล่า …มาร่วม 30 ปีแห่งการก่อเกิด
           
จากทุนดำเนินเริ่มต้น “15,570บาท”ในปี 2521 กลายมาเป็น “10,092,150,200.96” บาท ในปี 2555   จากสมาชิกเริ่มต้น 167 คน เป็นสมาชิก 13,221 คน สมาชิกสมทบอีก 11,701 คน รวมสมาชิกและสมาชิกสมทบ 24,902 คน ในวันนี้ นั่นเป็นบทพิสูจน์การก้าวผ่านกาลเวลาที่ต้องต่อสู้ทั้งภายในและสิ่งเร้าภายนอกที่โหมกระหน่ำสู่ใจของสมาชิก เป็นการปะทะกันอย่างยิ่งใหญ่ของจิตและกัปดักทางสังคมโลก 
         จากสหกรณ์ที่มีเงินทุนเพียง “หมื่นบาท” เป็นสหกรณ์ออมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่มีสินทรัพย์รวมหรือทุนดำเนินการถึง “หมื่นล้านบาท”
 จำนวนเงินอาจมิใช่สาระสำคัญ ก่อนที่จะก้าวสู่อนาคต ที่ท้าทายมากยิ่งขึ้น เราจึงควรเหลียวหลัง..แลหน้า ย้อนอดีต มองความเป็นมาของสหกรณ์ในยุคต่าง ๆ เพื่อศึกษาพัฒนาการ ความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ๆ เพื่อประโยชน์สำหรับการกำหนดทิศทางและบทบาทของสหกรณ์ต่อไปในอนาคต
         
ยุคที่ 1 การก่อร่างสร้างตัว (ปี 2521 – 2536)
15 ปีแห่งการหยั่งรากลึก
          สหกรณ์ออมทรัพย์กรมป่าไม้ จำกัด ได้รับการจดทะเบียนเป็นสหกรณ์เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2521 โดยมีสมาชิก 167 คน ทุนดำเนินงาน 15,570 บาท ในสมัยท่านอธิบดีถนอม เปรมรัศมีเป็นอธิบดีกรมป่าไม้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งการออมทรัพย์และการกู้ยืมเงิน และเพื่อเป็นแหล่งสวัสดิการสำหรับสมาชิกที่เป็นข้าราชการ พนักงานสังกัดกรมป่าไม้
          สหกรณ์เริ่มดำเนินการเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2522 การดำเนินของสหกรณ์ในช่วงแรกเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยให้บริการเงินกู้ฉุกเฉิน และเงินกู้สามัญ โดยจะรับคำขอกู้จากสมาชิกระหว่างวันที่ 1 – 15 ของเดือนและจะได้รับเงินกู้ประมาณเดือนถัดไป หรือบางครั้งอาจต้องรอคิวนาน 2 – 3 เดือน ทั้งนี้ เพราะยังไม่มีการการรับเงินฝากจากสมาชิก เงินที่จะนำให้สมาชิกกู้ในระยะนี้ทั้งหมด จึงนำมาจากค่าหุ้นของสมาชิก และค่าเก็บหนี้จากสมาชิกที่กู้ไปก่อนหน้านี้มาให้สมาชิกรายใหม่กู้ต่อไป
          สหกรณ์มีทุนดำเนินการครบ 1 ล้านบาทแรก (1,380,481.04 บาท) ในปี 2525 เมื่อดำเนินงานได้ ประมาณ 4 ปี มีจำนวนสมาชิกเพิ่มเป็น 419 ราย

                     การดำเนินงานผ่านไป 10 ปี ในปี 2531 สหกรณ์จึงมีทุนดำเนินการครบ 10 ล้านบาทแรก (11,680,919.80 บาท) จำนวนสมาชิกเพิ่มเป็น 1,984 ราย เท่ากับว่าสหกรณ์มีทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละประมาณ 1 ล้านบาท

          ในระยะแรกสหกรณ์มีเงินทุนหมุนเวียนน้อย ทำให้การให้บริการเงินกู้แก่สมาชิกมีความล่าช้า เนื่องจากสหกรณ์บริหารเงินทุนด้วยทุนเรือนหุ้นจากสมาชิกเพียงอย่างเดียว
ในปี 2534 สหกรณ์จึงเริ่มเปิดให้มีบริการรับฝากเงิน “ออมทรัพย์พิเศษ” จากสมาชิกเป็นครั้งแรก นับเป็นก้าวย่างที่สำคัญสำหรับสหกรณ์ออมทรัพย์ ในการระดมเงินออมจากสมาชิกครบทั้ง 2 ด้าน คือ “การออมภาคบังคับ” ด้วยทุนเรือนหุ้น และ “การออมภาคความสมัครใจ” คือการรับเงินฝากจากสมาชิก แม้ว่าในปีแรกสหกรณ์จะไม่สามารถระดมเงินฝากได้มากนัก กล่าวคือมีเงินฝากเพียง 4 ล้านบาทเศษ จากทุนดำเนินงานทั้งหมดประมาณ 48 ล้านบาท แต่ก็นับเป็นก้าวย่างสำคัญที่ทำให้สหกรณ์มีทุนดำเนินการเพิ่มมากขึ้นในถัดมา
ปี 2535 หลังจาก สหกรณ์ดำเนินงานครบ 14 ปี สหกรณ์จึงมีทุนดำเนินการครบ 100 ล้านบาทแรก (120,603,446.43 บาท) โดยมีเงินฝากจากสมาชิกประมาณ 54 ล้านบาทเศษ เมื่อทุนดำเนินงานเพิ่มขึ้น ทำให้การให้บริการเงินกู้รวดเร็วขึ้นเหลือประมาณ 7 – 15 วัน ขณะเดียวกันในปีนี้สหกรณ์เริ่มจัดให้มี “โครงการประกันชีวิตกลุ่ม” สำหรับสมาชิก เพื่อเป็นสวัสดิการและลดภาระการค้ำประกันเงินกู้สำหรับสมาชิก จำนวนสมาชิกจึงเพิ่มเป็น 6,031 ราย
ในปี 2536 หรือเมื่อสหกรณ์ดำเนินงานมาครบ 15 ปี สหกรณ์มีทุนดำเนินงานเพิ่มเป็น 196 ล้านบาทเศษ มีจำนวนสมาชิก 7,840 ราย
จะเห็นว่าใน 15 ปีแรกของสหกรณ์ (2521 – 2536) ทุนดำเนินงานของสหกรณ์เพิ่มขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งเป็นธรรมดาของการจัดตั้งองค์กรใด ๆ ก็ตามกว่าจะตั้งตัวได้ในช่วงแรกต้องใช้เวลานานพอสมควร ยุคนี้เป็นยุคของการก่อร่างสร้างตัว เหมือนกับการปลูกต้นไม้ที่ต้นกล้าที่ค่อยเติบโตและเริ่มหยั่งรากลึกและเริ่มยืนต้น กล้าท้าแดดลมฝนได้ด้วยตนเอง