สหกรณ์ออมทรัพย์กรมป่าไม้ กับมหาอุทกภัยครั้งยิ่งใหญ่
สหกรณ์ในวงล้อมของมวลน้ำ
เรายืนหยัดให้บริการเพื่อมวลสมาชิก
วิชิต สนธิวณิช
กรรมการทำหน้าที่ผู้จัดการ
ใครเล่าจะนึกฝัน ...เมื่อธรรมชาติมิอาจถูกควบคุม...สายน้ำขนาดมหึมาที่เรียกว่ามวลน้ำ ไหลเชี่ยวกระชากและกลืนกินสรรพสิ่งที่ไหลผ่าน ....ชีวิตไร่นาสาโท สัตว์เลี้ยง แหล่งอุตสาหกรรมนานับและสุดท้ายบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ไม่รวมชีวิตหลังน้ำลด...ของผู้คนอีกหลายสิบล้านคน.. นับเป็นมหาอุทกภัยครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย กว่า 50 จังหวัดไม่เว้นแม้แต่กรุงเทพมหานคร ชั้นนอกและชั้นในที่ต้องจมอยู่ในน้ำ ย่านเกษตรระดับน้ำลึกกว่า 1 เมตร พื้นที่บริเวณกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช อยู่ในพื้นที่ซึ่ง กทม.สั่งให้อพยพ เพราะตกอยู่ในวงล้อมของมวลน้ำลึก ลานจอดรถกลายเป็นทะเลสาบ ถนนกลายเป็นคลองนอกจากเรือแล้ว ไม่สามารถใช้รถปกติเป็นพาหนะสัญจรได้ ทำให้ได้รับผลกระทบไปตาม ๆ กัน
จะว่าเป็นโชคดีของสหกรณ์ออมทรัพย์กรมป่าไม้ของเราก็ว่าได้ ที่เราเพิ่งย้ายมาอยู่บ้านใหม่เมื่อวันที่ 9 เดือน 9 และทำพิธีเปิด “บ้านใหม่สหกรณ์” ในวันครบรอบ 33 ขวบปีสหกรณ์ เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2554 ที่ผ่านมานี่เอง บ้านใหม่สหกรณ์เราได้มีการปรับปรุงแบบโดยยกระดับอาคารขึ้นสูงอีก 30 ซ.ม. ทำให้พื้นชั้นล่างสูงกว่าถนนพหลโยธินกว่า 60 ซ.ม. เพียงเดือนเศษให้หลังมวลน้ำขนาดมหึมาก็เคลื่อนตัวเข้ามาถล่มกรุงเทพฯ และในวันที่ 1 พฤศจิกายน สหกรณ์ กรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติฯ ก็ตกอยู่วงล้อมของมวลน้ำ และระดับสูงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เฉลี่ยวันละกว่า 10 ซ.ม. ระดับน้ำลึกกว่า 80 ซ.ม.สูงสุดในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2554
หากวันนี้..สหกรณ์ยังมิได้ย้ายมาอยู่บ้านใหม่ ทรัพย์สินต่าง ๆ คงจะต้องได้รับความเสียหาย แต่ที่สำคัญคือการให้บริการสมาชิกคงต้องหยุดชะงัก เพราะบ้านหลังเก่าระดับน้ำท่วมถึง สหกรณ์คงจะต้องปิดระบบคอมพิวเตอร์ แต่ที่ “บ้านใหม่สหกรณ์” ห้องระบบคอมพิวเตอร์อยู่ที่ชั้น 2 ในขณะที่ชั้นล่างยังสูงกว่าระดับน้ำที่ท่วมสูงสุดอีกกว่า 70 ซ.ม.
ในช่วงที่น้ำท่วมสูงธนาคารหลายแห่งในย่านบางเขนต้องหยุดให้บริการ แต่สำหรับสหกรณ์ออมทรัพย์กรมป่าไม้ เราเปิดให้บริการทุกวัน ถึงแม้ว่าน้ำจะท่วมสูงแค่ไหนเราไม่ย่อท้อ โดยเราได้เตรียมความพร้อมต้อนรับมวลน้ำมาล่วงหน้าพอสมควร โดยเริ่มย้ายอุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงานต่าง ๆ และส่วนให้บริการสมาชิกมาเปิดบริการที่ชั้น 2 ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2554 และเตรียมความพร้อมในเรื่องบุคลากร นัดหมายเจ้าหน้าที่สหกรณ์ที่มาปฏิบัติงานในช่วงน้ำท่วม
ในช่วงน้ำท่วมสูง ณ สำนักงานสหกรณ์ สมาชิกทั้งในกรุงเทพฯและบางส่วนได้เดินทางจากต่างจังหวัดเข้ามายังสหกรณ์เพื่อมากู้เงิน บางท่านใช้บริการฝากเงิน และไม่น้อยที่ต้องถอนเงินเพื่อเตรียมสำรองไว้ใช้จ่ายในช่วงน้ำท่วม ซึ่งทางสหกรณ์ได้เปิดให้บริการตามปกติทุกวัน
สมาชิกต่างจังหวัด และส่วนกลางที่เดินทางมาสหกรณ์ไม่ได้ ส่งเอกสารต่างๆ พร้อมคำขอกู้เงินสามัญเข้ามาทาไปรษณีย์อย่างล้นหลาม แต่ไปรษณีย์จัตุจักรที่อยู่ใกล้กรมป่าไม้ปิดให้บริการ เนื่องจากรถขนส่งไปรษณีย์ไม่สามารถผ่าวงล้อมของน้ำเข้ามาได้ เจ้าหน้าที่สหกรณ์จึงต้องเดินฝ่าน้ำ ลงเรือ ขึ้นรถทหารต่อรถเมล์ โบกรถบรรทุกสูง เพื่อไปรับจดหมายสมาชิกกู้ที่ไปรษณีย์สามเสนใน ย่านสะพานควาย ใช้เวลาไปกลับกว่า 6 ชั่วโมง เพื่อรับใบกู้ที่สมาชิกส่งมาทางไปรษณีย์
และด้วยที่สหกรณ์ออมทรัพย์กรมป่าไม้ของเราเป็นจ้าวแห่งระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ สำหรับการให้บริการทางไกล เบิกถอนเงินผ่านระบบสหกรณ์ ATM ธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารกรุงไทยและกู้ฉุกเฉินหรือสอบถามข้อมูลทางโทรศัพท์อัตโนมัติ (CO-OP Phone) สหกรณ์จึงยังสามารถเปิดให้บริการตามปกติตลอด 24 ชั่วโมงไม่มีวันหยุด แต่มีปัญหาสะดุดในช่วงที่น้ำท่วมสูงสุด สายสัญญาณที่เชื่อมระบบสหกรณ์ ATM กับธนาคารไทยพาณิชย์ย่านเกษตร บางเขน น้ำท่วมขังอุปกรณ์ชำรุด สหกรณ์พยายามติดต่อให้ทีมช่างพายเรือเข้าไปย้ายและปรับเปลี่ยนอุปกรณ์จนทำให้ระบบ ATM ธนาคารไทยพาณิชย์ กลับมาใช้งานได้อีกครั้งหนึ่งหลังจากจมน้ำอยู่ 5 วัน สำหรับระบบสหกรณ์ ATM ธนาคารกรุงไทย CO-OP Phone และใช้ได้ตามปกติทุกวันในช่วงที่มีน้ำท่วม รวมทั้งระบบ Call Center : 02-579-7070 ซึ่งเปิดให้บริการทุกวันในวันทำการ
ทุก ๆ เช้าพวกเราจะเฝ้าดูกันว่าวันนี้น้ำจะเพิ่มหรือลดลงเท่าไหร่ นับจากวันที่ 7 พฤศจิกายน 2554 ระดับน้ำค่อย ๆ ลดวันละประมาณ 2 – 3 ซ.ม. พร้อมกับน้ำเสียงดีใจของคนอพยพ...ที่เฝ้าคอย...
ท่ามกลางสายน้ำที่ไหลผ่านชีวิต...มาแรมเดือน และในรายทางของชีวิตของคนที่ลืมตาดูโลกมากว่า 50 ปีเพิ่งเคยประสบ ...รอนแรมมากับผู้คนที่มีชะตากรรมเฉกเดียวกัน ภาพปีนป่ายรถสูง เรือพาย ถ่อแพ แมวหมา อุ้มลูกจูงหลานแบกข้าวของ เดินลุยน้ำบนท้องถนนที่กลายสภาพเป็นคลอง เป็นแถวยาวเหยียด เหมือนฉากหนึ่งในภาพยนตร์ไม่มีผิด เป็นภาพที่สะเทือนใจยิ่ง แต่....
ไม่ว่าน้ำจะท่วมสูงแค่ไหน เน่าเหม็นและลำบากสักแค่ไหน แต่ภาพเจนตาอีกภาพก็ซ้อนทับ และนั่นทำให้แม้ใจจะหมองหม่น เหนื่อยอ่อนสักเพียงใด ก็เกิดปิติ ปลาบปลื้ม มีกำลังใจ ที่จะต่อสู้ ภาพนั้น คือ...รอยยิ้มที่ส่งถึงกันแม้เป็นคนแปลกหน้า มือที่ช่วยจับเพื่อขึ้นรถสูง มือที่มอบอาหารสิ่งของให้กัน มือที่ช่วยกันประคองผู้คนที่อ่อนแอกว่า และมือของผู้คนที่ช่วยให้สัตว์เลี้ยงรอดปลอดภัย...มือต่อมือ เป็นมือที่เปี่ยมน้ำใจคนไทยที่ไม่เคยห่างหายไป
สหกรณ์ออมทรัพย์กรมป่าไม้...จะเก็บภาพตรึงตาตรึงใจเหล่านี้ไว้ ทั้งเพื่อเป็นกำลังใจและร่วมกันตระหนักว่า ...ต่อจากนี้ไป เราจะไม่เพียงแค่ดูแลกันและกันเท่านั้น แต่จะร่วมกันปกปักษ์รักษาธรรมชาติ ไม่ดูดายแม้เพียงเล็กน้อย กระดาษทิชชูเพียงใบเดียวก็ส่งผลสะเทือนเลือนลั่นได้ นับประสาอะไรกับการตัดไม้ทำลายป่า การใช้พลังงานฟอสซิล น้ำมัน ก๊าซ พลังงานไฟฟ้า หรือกระดาษต่างๆ เสื้อผ้า เครื่องใช้ทุกอย่างในชีวิตของคน ...มหาอุทกภัยครั้งนี้จึงไม่เพียงสะท้อนว่า ถึงที่สุดแล้ว มนุษย์ไม่อาจเอาชนะธรรมชาติได้และไม่ว่ารวยจนทุกคนก็ต้องเผชิญชะตากรรมที่ไม่ต่างกันมากนัก อนาคต การมีน้ำใจต่อกันอย่างเดียวก็คงไม่เพียงพอแล้ว ทว่า...การร่วมกันปกป้อง ไม่สมคบคิด ไม่ดูดาย ทำหน้าที่อย่างเต็มศักยภาพ การใช้พลังงานอย่างประหยัด คุ้มค่าต่างหากคือการแสดงน้ำใจอย่างแท้จริงต่อธรรมชาติและมวลมนุษย์
สหกรณ์พร้อมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่จะอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างเอื้ออาทรและพร้อมเป็น กำลังใจ...ยืนหยัดเคียงข้างสมาชิก ขอให้อดทนและร่วมฝ่าวิฤกติมหาอุทกภัยครั้งนี้ไปด้วยกัน…
............................................................................
วิชิต สนธิวณิช
กรรมการทำหน้าที่ผู้จัดการ