สรุปความคืบหน้ากรณีฟื้นฟูการบินไทย
คำชี้แจงความคืบหน้า
กรณีฟื้นฟูกิจการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
ตามที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2564 โดยให้บริษัทการบินไทยฯ บริหารงานตามแผนฟื้นฟูกิจการฯ กำหนดระยะเวลาการดำเนินงาน 5 ปี นั้น
สหกรณ์ออมทรัพย์กรมป่าไม้ จำกัด ขอแจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ดังนี้
1. สหกรณ์ลงทุนกับบริษัทการบินไทยฯ มาตั้งแต่ปี 2548 ภายใต้ พ.ร.บ. สหกรณ์
สหกรณ์ออมทรัพย์กรมป่าไม้ จำกัด ได้มีการลงทุนกับบริษัทการบินไทยฯ ภายใต้พระราชบัญญัติสหกรณ์มาตรา 62 ในลักษณะการซื้อหุ้นกู้มาเป็นระยะเวลาประมาณ 15 ปี โดยเริ่มลงทุนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 ซึ่งที่ผ่านมาสหกรณ์ได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยมาแล้วจำนวนทั้งสิ้น 363 ล้านบาท ปัจจุบันคงเหลือเงินลงทุนกับบริษัทการบินไทยฯ จำนวนสุทธิ 760 ล้านบาท
2. ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้บริษัทการบินไทยฯ ฟื้นฟูกิจการ
ต่อมาบริษัทการบินไทยฯ ได้ยื่นขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง โดยศาลได้มีคำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ ทำให้บริษัทการบินไทยฯ เข้าสู่สภาวะการพักชำระหนี้ และเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2563 ศาลได้มีคำสั่งเห็นชอบ ให้ฟื้นฟูกิจการและตั้งผู้ทำแผนตามที่บริษัทการบินไทยฯ เสนอ ทั้งนี้ ผู้ทำแผนต้องจัดทำแผนและส่งแผนฟื้นฟูกิจการ แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ไม่เกินวันที่ 2 มีนาคม 2564 ตามมาตรา 90/43 พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 และเจ้าหนี้ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการ
3. สหกรณ์ฯ ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้
สหกรณ์ออมทรัพย์กรมป่าไม้ จำกัด ในฐานะเจ้าหนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2563 เป็นเงินต้นจำนวน 760 ล้านบาท และดอกเบี้ยจนถึงวันที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ จำนวน 17,703,035.62 บาท รวมยื่นขอรับชำระหนี้เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 777,703,035.62 บาท ต่อมาผู้ทำแผนบริษัทการบินไทยฯ ได้จัดทำแผนและส่งแผนฟื้นฟูกิจการแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กรมบังคับคดี ในวันที่ 2 มีนาคม 2564 และกำหนดให้ประชุมเจ้าหนี้เพื่อลงมติเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการ
4. สหกรณ์ฯ ร่วมประชุมเจ้าหนี้เพื่อพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการ
สหกรณ์ฯ ได้เข้าร่วมประชุมเจ้าหนี้ ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2564 เพื่อพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการและคำร้องขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการบริษัทการบินไทยฯ รวมทั้งพิจารณาเลือกกรรมการเจ้าหนี้ ในการประชุมดังกล่าวมีเจ้าหนี้ยื่นคำขอแก้ไขแผนทั้งสิ้น 15 ฉบับ ซึ่งที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติ ดังนี้
1. ยอมรับแผนฟื้นฟูกิจการบริษัทการบินไทยฯ ฉบับลงวันที่ 2 มีนาคม 2564 ด้วยคะแนนเสียงร้อยละ 91.56 ของทุนทรัพย์เจ้าหนี้ที่เข้าร่วมประชุม
2. ยอมรับแผนที่แก้ไขแผนฟื้นฟู 3 ฉบับ ที่เสนอโดยชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และผู้ทำแผนบริษัทการบินไทยฯ ด้วยคะแนนเสียงข้างมากของทุนทรัพย์เจ้าหนี้ที่เข้าร่วมประชุม
3. คัดเลือก พล.ต.ท. วิโรจน์ สัตยสัณห์สกุล ผู้แทนชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศ จำกัด ร่วมเป็นผู้แทนกรรมการเจ้าหนี้ ในส่วนของเจ้าหนี้จากสหกรณ์ออมทรัพย์
ต่อมา ในวันที่ 15 มิถุนายน 2564 ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการและแผนที่แก้ไขดังกล่าว ตามมติของที่ประชุมเจ้าหนี้
5. ตามแผนฟื้นฟูกิจการฯ สหกรณ์จะได้รับเงินต้นคืน 100% และลดดอกเบี้ยเหลือ 1.50%
แผนฟื้นฟูกิจการบริษัทการบินไทยฯ ตามคำสั่งศาลล้มละลายกลาง กำหนดระยะเวลาการดำเนินงาน 5 ปี (พ.ศ. 2564 - 2568) โดยรายละเอียดแผนการชำระหนี้ที่เกี่ยวข้องกับหนี้หุ้นกู้ของสหกรณ์นั้น สหกรณ์จะได้รับชำระเงินต้นคืนเต็มจำนวน 760 ล้านบาท และจะได้รับดอกเบี้ยหุ้นกู้ร้อยละ 1.50 ต่อปี ซึ่งบริษัทการบินไทยฯ จะเริ่มจ่ายให้ในปีที่ 4 ส่วนดอกเบี้ยตั้งแต่ปีที่ 1-3 ที่สะสมตั้งพักไว้จะได้รับชำระในวันครบกำหนดไถ่ถอน ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างถูกลดหนี้ทั้งจำนวน และยังกำหนดให้เจ้าหนี้กลุ่มหุ้นกู้สามารถเลือกวิธีชำระดอกเบี้ยปีที่ 1 ถึงปีที่ 3 เป็นการแปลงหนี้เป็นทุนได้หลังปีที่ 7 เป็นต้นไป ในราคาหุ้นละ 2.5452 บาท รายละเอียดการรับชำระหนี้หุ้นกู้พร้อมดอกเบี้ยจากบริษัทการบินไทยฯ ดังนี้
5.1 การชำระคืนเงินต้น สหกรณ์จะได้รับชำระคืนเงินต้นหุ้นกู้บริษัทการบินไทยฯ เต็มจำนวน 760 ล้านบาท โดยจะยืดระยะเวลาออกไป 8 ปีจากวันครบกำหนดไถ่ถอนของหุ้นกู้แต่ละชุด ดังนี้
5.2 การชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ สหกรณ์จะได้รับดอกเบี้ยหุ้นกู้ในอัตราร้อยละ 1.50 ต่อปี รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 156.45 ล้านบาท โดยจ่ายตามระยะเวลา ดังนี้
1) ดอกเบี้ย 3 ปีแรก จะได้รับชำระในวันครบกำหนดไถ่ถอนใหม่ของหุ้นกู้แต่ละชุด ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.50 ต่อปี เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 34.20 ล้านบาท รายละเอียด ดังนี้
นอกจากนี้ สหกรณ์ยังสามารถเลือกเปลี่ยนแปลงวิธีการรับดอกเบี้ย จำนวน 34.20 ล้านบาท โดยสหกรณ์มีสิทธิขอแปลงหนี้ดอกเบี้ยเป็นทุน (หุ้นสามัญ) โดยแจ้งความประสงค์ภายในปี 2570 หากพิจารณาแล้วเห็นว่า การดำเนินธุรกิจของบริษัทการบินไทยฯ เป็นไปด้วยดี ทำให้มูลค่าหุ้นสามัญในตลาดราคาเพิ่มสูงขึ้น และหากสหกรณ์ใช้สิทธิแปลงหนี้ เป็นทุน (หุ้นสามัญ) แล้ว จะมีมูลค่ามากกว่า 34.20 ล้านบาท เช่น หากในปี 2570 มูลค่าหุ้นสามัญบริษัทการบินไทยฯ มีมูลค่าหุ้นละ 10 บาท ตามแผนฟื้นฟูกิจการที่ได้รับความเห็นชอบ สหกรณ์สามารถใช้สิทธิแปลงหนี้เป็นทุนในราคาหุ้นละ 2.5452 บาท ได้จำนวน 13,437,057 หุ้น รวมเป็นมูลค่าตลาดทั้งสิ้น 134.37 ล้านบาท เป็นต้น
2) ดอกเบี้ยตั้งแต่ปีที่ 4 จนถึงปีสุดท้าย จะได้รับชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 1.50 ต่อปี โดยจ่ายให้เป็นรายเดือน โดยเริ่มรับชำระจริงตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป รวมดอกเบี้ยที่จะได้รับทั้งสิ้น 122.25 ล้านบาท รายละเอียด ดังนี้
สรุปตามแผนฟื้นฟูกิจการ สหกรณ์จะได้รับชำระคืนเงินต้นเต็มจำนวน 760 ล้านบาท และดอกเบี้ยหุ้นกู้ (กรณีไม่แปลงหนี้เป็นทุน) จำนวน 156.45 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 916.45 ล้านบาท รายละเอียด ดังนี้
6. ตามแผนฟื้นฟูกิจการฯ จะมีผลกระทบต่อเงินปันผลลดลง
อย่างไรก็ตามแม้ว่าตามแผนฟื้นฟูกิจการบริษัทการบินไทยฯ จะกำหนดให้สหกรณ์ได้รับคืนเงินต้นครบ 100% และได้รับดอกเบี้ยร้อยละ 1.50 ต่อปี แต่ก็ต้องยอมรับว่าการเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการของบริษัทการบินไทยฯ ครั้งนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อสหกรณ์บ้างตามสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบต่อรายได้ของสหกรณ์ที่ไม่เป็นไปตามความคาดหมายเดิม โดยการลงทุนในหุ้นกู้จำนวน 760 ล้านบาทของบริษัทการบินไทยฯ ซึ่งเดิมเป็นรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลนั้น สหกรณ์กำหนดเป้าหมายว่าจะได้รับผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณร้อยละ 4.61 ต่อปี รวมรายได้ประมาณ ปีละ 35 ล้านบาท ทำให้สหกรณ์สามารถจ่ายเงินปันผลได้ร้อยละ 5.50 ต่อปี ต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลานาน
ตามแผนฟื้นฟูกิจการฯ สหกรณ์จะได้รับดอกเบี้ยคงเหลือร้อยละ 1.50 ต่อปี หรือประมาณปีละ 11.40 ล้านบาท ทำให้สหกรณ์มีรายได้ลดลงจากที่คาดหมายเดิมปีละ 23.60 ล้านบาท เฉพาะกรณีหุ้นกู้บริษัทการบินไทยฯ ครั้งนี้ สหกรณ์คาดว่า จะได้รับผลกระทบต่อเงินปันผลลดลงจากเดิมประมาณร้อยละ 0.30 ต่อปี และในระยะเวลา 3 ปีแรก ที่สหกรณ์ยังไม่ได้รับชำระดอกเบี้ย 1.50 ต่อปี อาจกระทบต่อเงินปันผลสหกรณ์ประมาณร้อยละ 0.44 ต่อปี ทั้งนี้ ไม่รวมกรณีเงินปันผลที่อาจจะลดลงหรือเพิ่มขึ้น จากสถานการณ์ดอกเบี้ยในท้องตลาด ซึ่งทำให้สหกรณ์มีรายได้ลดลงหรือเพิ่มขึ้นตามสถานการณ์ดังกล่าว
แม้ว่าการดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูกิจการบริษัทการบินไทยฯ จะส่งผลกระทบต่อเงินปันผลของสหกรณ์ที่อาจลดลง แต่สหกรณ์ขอยืนยันว่าการดำเนินการฟื้นฟูกิจการบริษัทการบินไทยฯ ในครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของทุนเรือนหุ้นและเงินฝากของสมาชิกอย่างแน่นอน
7. ยืนยันรักษาผลประโยชน์ของสมาชิกอย่างดีที่สุด
สหกรณ์ออมทรัพย์กรมป่าไม้ จำกัด ขอเรียนว่า หากบริษัทการบินไทยฯ บริหารงานตามแผนฟื้นฟูกิจการ จะทำให้บริษัทการบินไทยฯ สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ซึ่งจะทำให้สหกรณ์ได้รับเงินต้นคืน 100% พร้อมดอกเบี้ย ตามรายละเอียดดังกล่าวข้างต้น และขอยืนยันว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อทุนเรือนหุ้นและเงินฝากของสมาชิกแต่อย่างใด โดยสหกรณ์ฯ จะติดตามการดำเนินงานของบริษัทการบินไทยฯ อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของสมาชิกอย่างดีที่สุด หากมีความคืบหน้าประการใดจะแจ้งให้สมาชิกทราบต่อไป
สหกรณ์ออมทรัพย์กรมป่าไม้ จำกัด ขอเป็นกำลังใจให้บริษัทการบินไทยฯ สามารถดำเนินกิจการภายใต้ แผนฟื้นฟูกิจการและประสบความสำเร็จ สามารถพลิกฟื้นการดำเนินงานกลับมาสร้างผลกำไรอย่างต่อเนื่อง สร้างงานในตลาดแรงงาน เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวของประเทศ และเป็นสายการบินแห่งชาติซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยและประเทศไทยต่อไป
(นายวิชิต สนธิวณิช)
ประธานกรรมการดำเนินการ
สหกรณ์ออมทรัพย์กรมป่าไม้ จำกัด
16 มิถุนายน 2564
infoGraphic